Last updated: 18 ม.ค. 2568 | 4355 จำนวนผู้เข้าชม |
ผู้ประกอบการวิทยุระดับท้องถิ่นยืนยันเดินหน้าเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบใบอนุญาต 3,014 สถานี จาก 3,675 สถานี คิดเป็นร้อยละ 82.01 และมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าร่วมอีก 590 จาก 3,233 คำขอ คิดเป็นร้อยละ 18.25
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุม Jubilee Room ชั้น 19 โรงแรม เดอะควอเตอร์ รัชโยธิน บาย ยูเอชจี กรุงเทพมหานคร ในงานเสวนาการนำเสนอผลการศึกษาและอภิปรายบทบาทวิทยุกระจายเสียงในสภาวะฉุกเฉินนโยบายวิทยุดิจิทัล (DAB+) และอำนาจหน้าที่ กสทช. ในด้านกิจการกระจายเสียง โครงการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลตามนโยบาย กสทช.ที่สำคัญในด้านกิจการกระจายเสียง ประจำปี 2567
พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้สรุปผลการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่วิทยุระบบเอฟเอ็ม สำหรับให้บริการกระจายเสียงในระดับท้องถิ่น (วิทยุชุมชน) ทั้งประเภทสาธารณะ ชุมชน และธุรกิจ ตามที่ได้มีประกาศเชิญชวนจำนวน 3,346 คลื่นความถี่ โดยแยกเป็นประเภทสาธารณะจำนวน 554 คลื่นความถี่ ชุมชน 148 คลื่นความถี่ สาธารณะ/ชุมชน 137 คลื่นความถี่ และธุรกิจ 2,507 คลื่นความถี่ และเมื่อครบกำหนดวันสิ้นสุดการยื่น มีผู้ประกอบการทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่ยื่นคำขออนุญาต ดังนี้ ผู้ประสงค์ยื่นคำขออนุญาตใช้คลื่นความถี่ รวม 2,645 คลื่นความถี่ จาก 3,346 คลื่นความถี่ คงเหลือ 701 คลื่นความถี่ คิดเป็น 20.95% โดยแยกเป็นผู้ประกอบการรายเดิมยื่นคำขอ 2,643 คลื่นความถี่ (สถานี) จาก 2,177 นิติบุคคล และมีรายใหม่ 590 คลื่นความถี่ (สถานี) จาก 479 นิติบุคคล
“จากข้อมูลการยื่นคำขออนุญาตใช้คลื่นความถี่วิทยุชุมชน เป็นผู้ประสงค์ขอประกอบการสถานีรายใหม่ถึง 590 จาก 2,643 สถานี คิดเป็น 18.25% โดยเฉพาะประเภทธุรกิจมีรายใหม่ 538 จาก 2,481 สถานี คิดเป็น 21.68% ในขณะที่สาธารณะ/ชุมชน มีรายใหม่เพียง 52 จาก 752 สถานี คิดเป็น 6.91% ขณะเดียวกันเมื่อดูข้อมูลของผู้ประกอบการรายเดิมนั้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวนสถานีวิทยุทดลองออกอากาศรวมทั้งสิ้น 3,675 สถานี จาก 2,773 นิติบุคคล และได้มายื่นคำขอ 2,996 สถานี จาก 2,166 นิติบุคคล คิดเป็น 81.52% ทำให้มีสถานีที่ไม่มายื่นคำขอและต้องยุติการออกอากาศหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2567 นี้ จำนวน 679 สถานี จาก 607 นิติบุคคล ซึ่งทางสำนักงาน กสทช. จะออกไปกวดขันให้ยุติออกอากาศทันที ส่วนผู้ที่ยื่นจะยังสามารถออกอากาศได้ต่อไปจน ระบบใบอนุญาตได้ดำเนินการแล้วเสร็จ”
พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวต่อว่า การยื่นขอรับการอนุญาตในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ จากเดิมที่มีสถานีวิทยุในระดับท้องถิ่นนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 40 เป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ไม่สามารถเข้าสู่ระบบใบอนุญาตได้ ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการรายเดิมต้องการไปต่อเพื่อเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนถึง 3,014 สถานี คิดเป็น 82.01% ซึ่งในขั้นตอนต่อไป สำนักงาน กสทช. ต้องดำเนินการตรวจสอบคำขอทั้งหมดที่ยื่นมาในครั้งนี้ จากนั้นหากเป็นประเภทสาธารณะหรือชุมชน จะต้องพิจารณาคำขอจาก 752 เพื่ออนุญาตให้ได้ 623 สถานี ด้วยวิธีการเปรียบเทียบคุณสมบัติ (บิวตี้ คอนเทนต์) สำหรับประเภทธุรกิจที่ต้องใช้วิธีการประมูล จาก 2,481 สถานี เพื่อให้ได้ผู้ชนะและอนุญาตได้ 2,022 สถานี โดยมีราคาเริ่มต้น 25,000 บาท ซึ่งคงมีการแข่งขันในบางพื้นที่เท่านั้น สำหรับคลื่นความถี่ที่เหลืออีก 701 คลื่นความถี่ จะนำมาพิจารณาจัดสรรเพิ่มต่อไป