ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดียื่นฟ้องสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

Last updated: 19 มิ.ย. 2566  |  4779 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดียื่นฟ้องสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีที่นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการอาวุโสของสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้องสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภายใน 15 วัน

          วันที่ 16 มิถุนายน 2566 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยข้อมูลรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และคำชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อ ป.ป.ช. ทั้ง 4 ครั้ง ต่อผู้สื่อข่าว The MATTER

          การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ 3 และรายการที่ 4 ให้แก่ผู้ฟ้องตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่งดิน และการบังคับใช้กฎหมายที่ สค.334/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุดนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน” คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุ

          สำหรับเอกสารข้อมูลที่ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดีเพื่อขอให้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ จำนวน 6 รายการ ได้แก่

รายการที่ 1 เหตุผลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) มีมติยกคำร้องไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวน

รายการที่ 2 คำวินิจฉัยส่วนตนของกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้ยกคำร้องไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวน

รายการที่ 3 รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคณะทำงานรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอต่อที่ประชุมผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ในวันที่ 27 ธันวาคม 2561 และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รายการที่ 4 คำชี้แจงของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีนี้ทั้ง 4 ครั้ง ที่ยื่นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3

รายการที่ 5 ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาฬิกา มียี่ห้ออะไรบ้าง ซีเรียลนัมเบอร์ มูลค่า

รายการที่ 6 รายชื่อของเพื่อน ๆ ที่นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ให้ยืมนาฬิกาสวมใส่เช่นเดียวกับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

          ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้จัดส่งเอกสารตามที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอมาให้เพียง 2 รายการ คือ รายการที่ 1 และรายการที่ 2 ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 อุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร

          ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายได้มีคำวินิจฉัยที่ สค 334/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 วินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร รายการที่ 3 ถึงรายการที่ 6

          จากนั้น เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 ผู้ฟ้องคดีได้เดินทางไปยังที่ทำการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เพื่อรับข้อมูลข่าวสารตามคำวินิจฉัยแต่ได้รับแจ้งว่าต้องรอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติว่าจะเปิดเผยหรือไม่เสียก่อน ผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นหนังสือทวงถามถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปรากฏตามเลขรับที่ 24168 แต่ระยะเวลาล่วงเลยมาเดือนเศษ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับการติดต่อกลับใด ๆ ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเร่งรัดให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย ที่ สค 334/6562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ซึ่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีหนังสือ ที่ นร อ108/5320 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2562 แจ้งผู้ฟ้องคดีว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีหนังสือไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ขอให้เร่งรัดการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวแล้วและขอให้แจ้งผลให้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการทราบภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 และผู้ฟ้องคดีสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยได้ต่อไป

          เมื่อถึงวันดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีได้โทรศัพท์ไปสอบถามถึงความคืบหน้าในการจัดส่งข้อมูลข่าวสาร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ตอบกลับมาทางข้อความสั้น (SMS) ว่า "เจ้าหน้าที่จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันสองวันนี้" "มีทั้งที่อนุญาตและไม่อนุญาต" และ "และมีทั้งต้องรอคำตอบจากเจ้าของเอกสาร" แต่ระยะเวลา ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งเตือน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไม่ได้ติดต่อหรือจัดส่งข้อมูลข่าวสารมาให้ผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ดังนี้

1. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ 3 ถึงรายการที่ 6 ตามคำวินิจวัยคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 334/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562

2. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยสถิติการใช้สิทธิขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีที่ยุติไปแล้วตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 นับตั้งแต่ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้จัดตั้งขึ้นและผลการดำเนินการตามคำขอดังกล่าว

          ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามให้การว่า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนกับ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ต่อมา 27 ธ.ค. 2561 ทาง ป.ป.ช. แถลงข่าวว่า มีมติว่าจากพยานหลักฐานยังไม่มีมูลเพียงพอว่าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินนั้นและให้แจ้งข้อมูลนาฬิกาจํานวน 22 เรือน ต่อกรมศุลกากรเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ 28 ธันวาคม 2561 เพื่อขอข้อมูล 6 รายการ (ตามที่ระบุไว้ด้านบน)

          เมื่อผู้ฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 อุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ทางคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจึงส่งหนังสือมาที่ ป.ป.ช. ทาง ป.ป.ช. แจ้งว่าการเปิดเผย ข้อมูลบางส่วนต้องดําเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่าง นําเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 พิจารณา ข้อมูลข่าวสารที่พิพาทเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการดําเนินการ แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณีกล่าวหาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารที่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม 

          ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้พิจารณาแล้วมีมติว่า เอกสารรายการที่ 3 รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นข้อมูลรายงาน สํานวนการตรวจสอบ และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบในเรื่องกล่าวหาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้เกินกว่าสามพันบาท และเรื่องกล่าวหาว่าพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่ํารวยผิดปกติที่ยังอยู่ระหว่างการดําเนินการตรวจสอบ

          ส่วนรายการที่ 6 รายชื่อของเพื่อน ๆ ที่นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ให้ยืมนาฬิกาสวมใส่เช่นเดียวกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ซึ่งเป็นพยาน ซึ่งมาตรา 36 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้เปิดเผย จึงไม่อนุญาตให้เปิดเผย

          ส่วนรายการที่ 4 คําชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีนี้ทั้ง 4 ครั้ง ที่ยื่นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งไม่ประสงค์ให้ทางราชการนําไปเปิดเผยต่อผู้อื่น จึงต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 (6)

          รายการที่ 5 ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาฬิกา มียี่ห้ออะไรบ้าง ซีเรียลนัมเบอร์ มูลค่า เป็นข้อมูล ที่ทราบได้โดยทั่วไปตามการเสนอข่าวของสื่อมวลชนแล้วให้เปิดเผยได้ เว้นแต่ซีเรียลนัมเบอร์ ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ครอบครอง และกระทบต่อการดําเนินการในเรื่องกล่าวหาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีเจ้าพนักงาน ของรัฐรับทรัพย์สิน ยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบและอาจต้องรวบรวมพยานหลักฐานหรือทราบ ข้อเท็จจริงจากพยานบุคคล อีกทั้งงานไต่สวนข้อเท็จจริงตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นงานบังคับใช้กฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอันเป็นส่วนหนึ่งของงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งโดยสภาพแล้วจะต้องรักษาไว้เป็นความลับ

          อีกทั้งเรื่องการกล่าวหานี้อยู่ในระหว่างไต่สวนหากมีการเปิดเผยข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีหรือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ยกพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาอ้างในการปฏิเสธเพื่อเปิดเผยข้อมูล

          ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จัดตั้งขึ้นโดยรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ใช้บังคับแล้ว และในระหว่างบทบัญญัติที่ขัดกันระหว่างพระราชบัญญัติทั่วไป กับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ย่อมจะต้องถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ โดยหลักการและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 มีเจตนารมณ์เพื่อรับรองสิทธิของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐ

          ส่วนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของ เจ้าหน้าที่ของรัฐ การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จะต้องมีอิสระและไม่อยู่ภายใต้บังคับของ องค์การหรือหน่วยงานใด ๆ การให้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีอํานาจวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 พิจารณาแล้ว จึงเป็นการขัดกับอํานาจ อิสระของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3

          ดังนั้น การที่ ป.ป.ช. ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้ผู้ฟ้องคดีทราบ จึงไม่เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติ นอกจากนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้เคยวินิจฉัยไว้ในคําพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ. 681/2560 ว่า สําเนาบันทึกปากคําผู้ถูกกล่าวหาทุกปาก สาเนาบันทึกปากคําพยานที่เกี่ยวข้องทุกปาก ส่านา พยานเอกสารที่รวมอยู่ในคดีทุกแผ่น สรุปผลการสอบสวนของพนักงานไต่สวน และรายงานการ ประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวข้องในคดี เป็นเอกสารที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มาจาก การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการแสวงหาพยานหลักฐานจากพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาของผู้ฟ้องคดีว่ามีมูลความผิดตามที่กล่าวหาหรือไม่ ซึ่งหากเปิดเผยเอกสารดังกล่าว ย่อมทําให้พยานบุคคลเกิดความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและการประกอบอาชีพจากการให้ถ้อยคําหรือพยานหลักฐานดังกล่าว และย่อมส่งผลกระทบต่อการ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม

          อีกทั้งกรณีนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เห็นว่า ข้อกล่าวหาของผู้ฟ้องคดีเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลและให้ข้อกล่าวหาตกไป การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอจึงไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ ในทางกลับกันหากเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวย่อมอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความไม่ปลอดภัยต่อพยานบุคคลผู้ให้ถ้อยคําหรือพยานหลักฐานได้ เมื่อคํานึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ข้อมูลข่าวสารตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอให้เปิดเผยจึงถือเป็นข้อมูลข่าวสารที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามไม่อาจเปิดเผยได้ จึงขอให้ศาลมีคําพิพากษายกฟ้อง

          โดยศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเปิดเผยข้อมูลช่าวสารรายการที่ 3 และรายการที่ 4 ให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 334/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

คำพิพากต้นฉบับศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดียื่นฟ้องสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภายใน 15 วัน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้