ป.ป.ช.ยันคดี'สุนทร วิลาวัลย์'บุกรุกป่ายังไม่หมดอายุความ

Last updated: 13 มิ.ย. 2565  |  6078 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ป.ป.ช.ยันคดี'สุนทร วิลาวัลย์'บุกรุกป่ายังไม่หมดอายุความ

โฆษก ป.ป.ช.แจงคดี 'สุนทร วิลาวัลย์' หมดอายุความเฉพาะปมสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐทำผิด ส่วนบุกรุกป่ายังไม่จบ พร้อมเผยอีกคดีที่ดิน อ.ประจันตคาม ติดอุทยานฯเขาใหญ่ ดีเอสไอส่ง อสส.แล้ว

          วันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ โฆษก ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการถอดถอนนายสุนทร วิลาวัลย์ ออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ว่า กรณีนี้ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจดำเนินการถอดถอน แต่ต้องให้ต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ โดยพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ ต่อกรณีที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดดังกล่าวไป คือ การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในประเด็นการบุกรุกป่า ประเด็นการหนีหมายจับ ดังนั้น รมว.มหาดไทย จึงต้องเป็นผู้พิจารณาว่านายสุนทรขาดคุณสมบัติจริงหรือไม่ และใช้อำนาจรัฐมนตรีในการพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ชี้มูลไปว่าเป็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด ซึ่งเป็นการกระทำในฐานะเอกชน เนื่องจากปีดังกล่าว นายสุนทรยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ดังนั้นเอาผิดย้อนหลังไม่ได้ และถ้า ป.ป.ช.จะถอดถอนได้ ต้องเป็นการกรทำผิดระหว่างดำรงตำแหน่ง อบจ.ปราจีนบุรี

          นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่ง คือ กรณีที่ดินที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเหตุเกิดเมื่อปี 2555 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง และดำเนินการส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ และมีนายสุนทรร่วมด้วย และที่ดินของนายสุนทรไม่ได้มีเพียงแค่โฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบอยู่ว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไร เพราะเขามีอยู่หลายแปลง และรู้สึกว่าจะมี 10 กว่าโฉนด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินของ ป.ป.ช.เองกำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทร โดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

          ทั้งนี้ สำหรับคดีบุกรุกป่ายังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ก็แสดงว่ามีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่กำลังจะหมดอายุความ ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าว หน่วยงานสามารถไปดำเนินการสอบสวนสามารถฟ้องบุกรุก แผ้วถาง ปรับสภาพพื้นที่ป่า แล้วไปออกที่ดินโดยมิชอบทั้งที่เป็นที่ดินป่าไม้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุก

          “อันที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีกที่สามารถดำเนินการกับนายสุนทรได้ แต่ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่า ต้องดูว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติ ในฐานะผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบให้ดำเนินการ และกรณีที่มีโฉนดอื่นๆ อีกหลายฉบับต้องไปแยกดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง เพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช. ทั้งหมด เหมือนบางกรณีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ” นายนิวัติไชย กล่าว

          เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนี อายุความต้องสะดุดลงนั้น มาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีของนายสุนทร เหตุเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้

          เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวนายสุนทร นายนิวัติไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่ากำลังติดตามตัวอยู่ เมื่อถามว่า การที่คดีความของนายสุนทรขาดอายุความเช่นนี้ ถือเป็นการทำงานของ ป.ป.ช.  ที่ฟาล์วหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะจะต้องมีการพิจารณาเพิกถอนที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจาก ป.ป.ช. จะต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ที่ดินจะได้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แม้ว่าผู้กระทำความผิดบางคนจะหลุดในกรรมนี้ก็ตาม แต่ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้