Last updated: 15 ก.ค. 2565 | 1185 จำนวนผู้เข้าชม |
เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ประสงค์ โพธิ์มีศิริ' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโนนสูง นครราชสีมา จัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นสถานที่บำบัดน้ำเสียในราคาสูงเกินความเป็นจริง ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาจำคุก 2 ปี 7 เดือน 15 วัน ปรับ 19,995 บาท พวก 2 ราย โดนคนละ 1 ปี 9 เดือน แต่ได้รอลงอาญาทุกคน - ป.ป.ช.ขอ อสส.อุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ผลความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายประสงค์ โพธิ์มีศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลโนนสูง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา กับพวก คือ นางประภาพรรณ โพธิ์มีศิริ และนางสายชล เขตต์กลาง จัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นสถานที่บำบัดน้ำเสียในราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,152,157 และ 267 ประกอบมาตรา 84 และพ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 มาตรา 100 (1) ประกอบมาตรา 103/1,122, 123/1 ประกอบ พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายประสงค์ โพธิ์มีศิริ จำเลยที่ 1 นางประภาพรรณ โพธิ์มีศิริ จำเลยที่ 2 นางสายชล เขตต์กลาง จำเลยที่ 3 มีความผิด ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ดังนี้
นายประสงค์ โพธิ์มีศิริ จำคุก 2 ปี 7 เดือน 15 วัน และปรับ 19,995 บาท
นางประภาพรรณ โพธิ์มีศิริ จำคุก 1 ปี 9 เดือน และปรับ 13,330 บาท
นางสายชล เขตต์กลาง จำคุก 1 ปี 9 เดือน และปรับ 13,330 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 มีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 เห็นควรอุทธรณ์ประเด็นการรอลงโทษ
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา