Last updated: 5 มี.ค. 2565 | 3053 จำนวนผู้เข้าชม |
นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดตัวรายงาน “OECD Integrity Review of Thailand 2021” ย้ำความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบราชการจะช่วยยกระดับขีดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบวีดิทัศน์ในพิธีเปิดตัวรายงาน OECD Integrity Review of Thailand 2021 ซึ่งเป็นโครงการเสริมสร้างความซื่อตรงในการบริหารงานภาครัฐของประเทศไทย ด้วยความร่วมมือของสำนักงาน ก.พ.ร. และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความว่า
วันนี้ ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดตัวรายงาน OECD Integrity Review of Thailand 2021 ซึ่งประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้มีการนำกรอบแนวทางปฏิบัติขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ด้านความซื่อตรงในภาครัฐมาประเมินตนเอง อันจะนำไปสู่การสร้างความน่าเชื่อถือในภาครัฐของประเทศไทยให้เทียบเคียงมาตรฐานสากล ซึ่งงานในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะ OECD ในการสานพลังสร้างระบบนิเวศด้านความซื่อตรง
รัฐบาลไทยตระหนักมาโดยตลอดว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันส่งผลกระทบสูงต่อประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงนักลงทุนจากต่างประเทศ ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศในระดับแนวหน้าของโลกอย่าง OECD ซึ่งรัฐบาลไทยและ OECD ได้มีความร่วมมือกันมายาวนาน และก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Country Programme ระยะที่ 1 ที่ได้มีส่วนผลักดันการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของเราให้มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ผู้มีเกียรติทุกท่านครับ
ประเทศไทยมีเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ที่จะมุ่งสร้างภาครัฐที่โปร่งใส ซื่อตรง เสริมสร้างวัฒนธรรมด้านคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ข้าราชการ วางระบบป้องกัน กำกับ และติดตามการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งส่งเสริมการเป็น ”รัฐบาลเปิด” ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทำงานของรัฐผ่านการแจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลเพื่อต่อต้านการทุจริต สร้างจิตสำนึกและค่านิยมละอายต่อการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ โดยได้เริ่มต้นผลักดันให้มีพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 เพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงระหว่างรัฐและประชาชน โดยมีสำนักงาน ก.พ.ร. ทำหน้าที่จัดระเบียบของหน่วยงานภาครัฐให้ตั้งอยู่บนความถูกต้อง มีธรรมาภิบาล และมีมาตรฐานในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือและศรัทธาต่อประชาชน และเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย สร้างบริการที่ดีมีคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบราชการ ตลอดจนยกระดับระบบราชการให้มีขีดความสามารถขับเคลื่อนประเทศไปได้อย่างเกิดประสิทธิผล
การดำเนินการหลังจากนี้ ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยและ OECD จะมุ่งมั่นเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ภายใต้การดำเนินความร่วมมือโครงการ Country Programme ในระยะที่ 2 ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจาสานต่ออย่างใกล้ชิด เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าการดำเนินการ ในระยะที่ 1 ส่งผลดีกับประเทศไทย เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของพลเมืองให้ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องตามหลักการของ OECD ที่มุ่งเน้น Better Policies for Better Lives
ท้ายสุดนี้ ผมในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยและตัวแทนประชาชนชาวไทยทุกคน ขอขอบคุณ OECD อีกครั้ง สำหรับความร่วมมือทางวิชาการที่ผ่านมา ขอบคุณส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานที่สนับสนุนข้อมูลและผลักดันความสำเร็จในครั้งนี้ ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ และเราจะร่วมกันแปลงข้อเสนอแนะไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างวัฒนธรรมการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่เน้นคุณธรรม ความซื่อตรง และความโปร่งใส ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น เอกชนไว้ใจ เจ้าหน้าที่รัฐมีความภาคภูมิใจในภาครัฐ และสร้างระบบนิเวศของระบบราชการให้มีความซื่อตรงในการบริหารงานภาครัฐอย่างยั่งยืนต่อไป