Last updated: 3 ต.ค. 2565 | 2293 จำนวนผู้เข้าชม |
เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'พ.ต.อ.พาชื่น ภาณุพินทุ' อดีต ผกก.สภ.หว้านใหญ่ มุกดาหาร -พวก เรียกเงินช่วยเหลือไม่ให้ศาลยึดรถ 10 ล้อ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี- อีก 2 ราย โดน 3 ปี 4 เดือน 2 คน แต่ได้รอลงอาญาทั้งหมด - ป.ป.ช.ค้าน อสส.ไม่อุทธรณ์สู้
เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา พันตำรวจเอก พาชื่น ภาณุพินทุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร กับพวก คือ ร้อยตำรวจโทสดใส อุ่นลุม นายไชบัญชา ว่องไว (กำนันตำบลหว้านใหญ่) และนางศิริวรรณ ว่องไว เรียกรับเงินจากผู้กระทำความผิดใช้รถบรรทกุ 10 ล้อ บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือมิให้ศาลมีคำสั่งยึดรถบรรทุก
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157
, 200 วรรคหนึ่ง และ 201 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาว่า พันตำรวจเอก พาชื่น ภาณุพินทุ จำเลยที่ 1 และ ร้อยตำรวจโทสดใส อุ่นลุม จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 201 , 83 นายไชบัญชา ว่องไว จำเลยที่ 3 และ นางศิริวรรณ ว่องไว จำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 201, 86
ให้จำคุก พันตำรวจเอก พาชื่น ภาณุพินทุ จำเลยที่ 1 และ ร้อยตำรวจโทสดใส อุ่นลุม จำเลยที่ 2 คนละ 5 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท
ให้จำคุก นายไชบัญชา ว่องไว จำเลยที่ 3 และ นางศิริวรรณ ว่องไว จำเลยที่ 4 คนละ 3 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 26,666 บาท 50 สตางค์
เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสี่กลับตัวโดยการรอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดสองปี
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 ไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 201 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา